ใครเคยสั่งชุดตรวจเอดส์ในอินเตอร์เน็ตบ้าง

ใครเคยสั่งชุดตรวจเอดส์ในอินเตอร์เน็ตบ้าง หากคุณ เป็นผู้ที่มีคำถามนี้อยู่ในหัว และ เคยได้ยินกันมาบ้าง เกี่ยวกับ “ชุดตรวจเอดส์” หรือ “ชุดตรวจเอชไอวี” ที่มีขายในอินเตอร์เน็ต และสามารถหาซื้อ มาใช้ตรวจด้วยตัวเองก่อนได้ หากตรวจแล้ว ผลออกมาพบว่าติดเชื้อ จึงค่อยไปตรวจที่โรงพยาบาล เพื่อยืนยันผลอีกรอบ หากผลออกมาแล้ว ไม่พบเชื้อ เราก็ไม่ต้องเสียเวลา ไปตรวจที่โรงพยาบาลสามารถสบายใจได้

จากการที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา หรือ ที่เรารู้จักกันในนามของ อย. ได้ออกประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชุดตรวจที่เกี่ยวข้องกับ การติดเชื้อเอชไอ เพื่อปลดล็อค ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง ให้คนไทยสามารถเข้าถึง และสามารถหาซื้อ มาตรวจด้วยตัวเองได้แล้ว หลังจากนั้นก็มี ชุดตรวจเอดส์ออกมาขายกันเป็นจำนวนมาก ทั้งที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาใหญ่ๆ และที่มีขายกันทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีทั้งชุดตรวจที่ได้ผ่านมาตรฐานของไทย และชุดตรวจที่ไม่ผ่าน ที่เรียกกันว่าชุดตรวจเถื่อน โดยมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่หลงซื้อไปใช้ตรวจ ผลเลือดที่ได้จึงอาจเป็นผลตรวจปลอม เข้าใจว่าตนเองไม่ติดเชื้อเอชไอวี ทั้งที่มีพฤติกรรมที่เสี่ยงมาก

เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเราจะทราบได้อย่างไร ว่าชุดตรวจนั้น เป็นชุดตรวจ ที่สามารถเชื่อถือได้ และผ่านมาตรฐาน แน่นอนว่า สิ่งที่เราสามารถทำได้ คือ สอบถามถึงเลขอย. ไทย ของผลิตภัณฑ์ชุดตรวจนั้น โดยที่เราสามารถนำเลข ไปสืบค้นได้จากเว็บไซต์ของทางอย.เองได้ หากพบว่ามีจริงก็สามารถเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง วันนี้ทางThaihivtest จึงได้รวบรวมคำตอบของคำถามที่ว่า ใครเคยสั่งชุดตรวจเอดส์ในอินเตอร์เน็ตบ้าง มาฝากทุกคนกัน ไปดูกันเลย

– ชุดตรวจหาเชื้อเอชไอวีด้วยตัวเองเป็น Rapid Screening Test ที่มีความสะดวกในการใช้งานใช้ในการตรวจคัดกรอง ให้ผลสูงเกิน 90 % หากใช้อย่างถูกวิธีตามคู่มือการใช้ หากให้ผลบวกก็ต้องไปตรวจเลือดยืนยันผลจากแพทย์อีกครั้ง
– เชื่อถือได้ 90 % ค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราตรวจตอนที่มีเชื้ออยู่ในระยะใดด้วยค่ะ
– ชุดตรวจเดี๋ยวนี้ความแม่นยำสูงครับ เหมือนๆ ที่ใช้ในโรงพยาบาล

นอกเหนือจากคำตอบที่นำมาฝากกันนั้น ทาง Thaihivtest ได้ศึกษาเพิ่มเติมพร้อมทั้งปรึกษาผู้มีความรู้ในเรื่องนี้และสามารถสรุปได้ว่า ปัจจุบันมีชุดตรวจเอชไอวีหลายรูปแบบและหลายแบรนด์ที่ผ่านมาตรฐานของอย.ไทยแล้ว ซึ่งหากจะมีขายในอินเตอร์เน็ตก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพียงแต่ ทางผู้ซื้อต้องพิจารณาถึงเลขอย.ไทย และสอบถามผู้ขายทุกครั้ง นอกจากนี้ควรถามถึงวิธีการใช้งาน และความแม่นยำของชุดตรวจ ซึ่งควรแม่นยำมากกว่า 90% ถึงจะมั่นใจได้ว่าสามารถตรวจเอชไอวีได้จริง การตรวจเอชไอวีในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบทั้งที่สามารถตรวจได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือ 3-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดชุดตรวจ และช่วงเวลาในการตรวจหากพ้นระยะฟักตัวของเชื้อแล้วก็สามารถสบายใจได้ โดยระยะฟักตัวของเชื้อจะอยู่ในช่วง 21- 30 วัน หลังจากได้รับความเสี่ยงมา

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ที่มีขายในปัจจุบัน

การตรวจเอชไอวีมีหลักๆ เลย 4 แบบ ได้แก่

1. การตรวจแบบ NAT

2. การตรวจหาแอนติเจนของเชื้อเอชไอวี (p24 antigen)

3. การตรวจหาแอนติบอดี (Anti-HIV)

4. การตรวจแบบทั้ง 2 ชนิด คือ Anti-HIV และ p24 antigenในคราวเดียวกัน

การตรวจที่นิยมในปัจจุบันจะเป็นแบบที่ 3  คือ การตรวจ Anti-HIV โดยแบบนี้สามารถพูดได้เลยว่ามีประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากัน ต่างกันที่ระยะเวลาที่สามารถตรวจได้ โดยแบบที่ 3 สามารถใช้ตรวจได้เมื่อมีความเสี่ยงมาแล้วกว่า 21  วัน แบบที่ 4 สามารถใช้ตรวจได้เมื่อมีความเสี่ยงมาแล้วกว่า 14  วัน

หากคุณเลือกตรวจเอชไอวีด้วยชุดตรวจแบบที่ 4 นี้ เมื่อผลออกมาพบว่าคุณมีแอนติเจนของเชื้อเอชไอวีในเลือด (p24 antigen) แต่ไม่พบแอนติบอดีต่อเชื้อในเลือด (Anti-HIV) อย่าพึ่งตื่นตระหนกไป เพราะจะต้องทำการตรวจอีกครั้งจนกว่าจะพบแอนติบอดีของเชื้อเอชไอวี ถึงจะมั่นใจได้ว่าผลเลือดคุณเป็นบวก หรือติดเชื้อเอชไอวี ด้วยเหตุนี้ถ้าหากคุณอดทนรออีก 7  วัน หรือ 1 สัปดาห์ เพื่อตรวจแบบแอนติบอดี ไปเลยครั้งเดียว ก็จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้

สรุปการเลือกซื้อ ชุดตรวจเอชไอวีในอินเตอร์เน็ต มาตรวจด้วยตัวเอง สิ่งที่ผู้ตรวจต้องทำเลย คือ เลือกร้านที่น่าเชื่อถือ จากนั้นสอบถามเลขอย. และนำไปสืบค้นในเว็บไซต์ของอย.ไทย ว่ามีผลิตภัณฑ์อยู่จริงไหม สอบถามความแม่นยำของชุดตรวจ เมื่อได้ชุดตรวจมาแล้วให้พิจารณาว่าเป็นผลิตภัณฑ์นั้นจริงไหม โดยอาจสังเกตที่หน้าถุงฟลอยด์บรรจุตลับทดสอบ ระยะที่ตรวจควรพ้น 30 วัน จะยิ่งทำให้ผลตรวจน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น แนะนำเพิ่มเติมให้ซื้อมาตรวจซ้ำอีกครั้งหลังเสี่ยงมา 3 เดือน เพื่อยืนยันผล